พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์
ผู้ถูกยกย่องเป็นให้ทรงเป็นพระบิดาแห่งกฎหมายไทย โดยได้รับการยกย่องจากเนติบัณฑิตยสภา เมื่อปี 2497 ทั้งเริ่มต้นเรียก วันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี เป็น “วันรพี“ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ พร้อมทั้งมีการจัดงานบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเป็นประจำทุกปี
พระราชประวัติของท่านมีโดยย่อ ดังนี้...
ประสูติ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ มีพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เป็นพระราชโอรส พระองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาตลับ ณ วันพุธ ขึ้น 11 ค่ำ ปีจอ ฉศก จุลศักราช 1236 ตรงกับวาระทางสุริยคติ 21 ตุลาคม พุทธศักราช 2417
การศึกษา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทรงส่งพระราชโอรสทุกพระองค์ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เนื่องจากขณะนั้นประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการแผ่อำนาจแสวงหาอาณานิคมของชาติตะวันตก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ
เหตุที่พระองค์ทรงเลือกศึกษาวิชากฎหมาย ก็เนื่องจากช่วงเวลานั้น เมืองไทยมีศาลกงสุลฝรั่ง ชาวยุโรปและอเมริกันมีอำนาจในประเทศไทยอย่างมาก ซึ่งยากแก่การปกครอง จึงมีพระทัยตั้งมั่นที่จะพยายามขอยกเลิกอำนาจศาลกงสุลต่าง ๆ ที่มาตั้งพิจารณาพิพากษาคดีชนชาติของตนเสีย เพื่อที่ประเทศไทยของเราจะได้มีเอกราชทางการศาลอย่างแท้จริง
พระองค์ท่านจึงทรงเลือกศึกษาวิชากฎหมาย เพื่อจะได้กลับมาพัฒนากฎหมายบ้านเมืองกับพัฒนาผู้พิพากษาและราชการศาลยุติธรรมให้ดีขึ้น และที่สำคัญเพื่อให้ต่างชาติยอมรับนับถือกฎหมายไทย และยอมอยู่ภายใต้อำนาจศาลไทย
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงมีพระสติปัญญาฉลาดเฉลียวเป็นอย่างยิ่ง ในต้นปี 2434 พระองค์ทรงสามารถสอบผ่านเข้าศึกษาวิชากฎหมายที่วิทยาลัยไครสต์เชิร์ช มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (Christchurch College Oxford University) ขณะที่พระองค์ทรงมีพระชันษาเพียง 17 พรรษา
ซึ่งทีแรกมหาวิทยาลัยไม่ยอมรับเข้าศึกษา โดยอ้างว่าพระชนมายุยังไม่ถึง 18 พรรษา ตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย พระองค์จึงต้องเสด็จไปขอความกรุณาโดยพระองค์ทรงดำรัสว่า "คนไทยเกิดง่ายตายเร็ว" ทางมหาวิทยาลัยจึงยอมผ่อนผันโดยให้ทรงสอบไล่อีกครั้งหนึ่ง พระองค์ก็ทรงสอบได้อีก
และด้วยความที่พระองค์ท่านทรงพระวิริยอุตสาหะเอาพระทัยใส่ในการเรียนเป็นอย่างมาก ทรงสอบไล่ผ่านทุกวิชาและได้รับปริญญาเกียรตินิยมทางกฎหมาย Bachelor of Arts.Hons (B.A. (Oxon)) เมื่อทรงพระชันษา 20 พรรษา โดยใช้เวลาศึกษาเพียง 3 ปี
ด้วยพระปรีชาญาณดังกล่าวเป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยิ่งนัก ถึงกับทรงเรียกพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ว่า "เฉลียวฉลาดรพี"
หลังจากสำเร็จการศึกษาดังกล่าวแล้ว พระองค์ก็ทรงตั้งพระทัยว่า จะทรงเรียนเนติบัณฑิตอังกฤษ (Barrister at law) ที่กรุงลอนดอน แล้วจะเสด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนี แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จกลับมารับราชการที่ประเทศไทยเสียก่อน
งานราชการและ พระกรณียกิจ
- ในปี 2437 พระองค์ได้ทรงจัดตั้งโรงเรียนมหาดเล็ก เพื่อสอนความรู้เบื้องต้นสำหรับข้าราชการพลเรือนในกระทรวงต่างๆ และทรงรับสมัครข้าราชการทางฝ่ายตุลาการ ทรงฝึกหัดทางด้านกฎหมายอย่างจริงจัง จนต่อมาไม่นาน พระองค์สามารถตั้งกรมราชเลขานุการได้ทุกตำแหน่ง อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดแต่งตั้งพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์เป็นองคมนตรีในปีเดียวกัน
- ในปี 2439 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักด์เป็นสภานายกพิเศษจัดการตั้งศาลในมณฑลอยุธยา
- ในปี 2441 พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงเป็นกรรมการตรวจตัดสินความฎีกาในคณะกรรมการ ชื่อว่า “ศาลกรรมการฎีกา” ทำหน้าที่เป็นศาลสูงสุดของประเทส แต่ไม่สังกัดกระทรวงยุติธรรม และต่อมาคือศาลฎีกาในปัจจุบัน
- ในปี 2442 ได้รับพระราชทานพระสุพรรณบัตรเป็น “กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์”
- ในปี 2453 รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล่าฯ ให้เป็นองคมนตรี
- ในปี 2455 ทรงพระกรณาโปรดเกล้าฯ ให้เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ และในปีเดียวกัน ทรงโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นกรมหลวง มีพระนามจารึกในสุพรรณบัฏว่า “พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์คชนาม”
- ในปีะ 2462 พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงประชวรด้วยพระวัณโรค ที่พระวักกะ (ไต) และทรงเสด็จไปรับการรักษาที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จนกระทั้งวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2463 พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ก็สิ้นพระชนม์ รวมพระชนมายุ 47 พรรษา
คติพจน์เตือนใจนักกฎหมาย
สมัยพระองค์เป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม พระองค์ทรงทุ่มเทให้กับงานราชการอย่างเต็มความสามารถ มิได้ทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย พระยามานวราชเสวีจึงทูลว่า "ไม่เคยเห็นใครทำงานมากอย่างใต้ฝ่าพระบาท ใต้ฝ่าพระบาทมีพระประสงค์อย่างไร" ทรงตอบว่า
"รู้ไหมว่า My life is service" ซึ่งหมายความว่า ชีวิตของฉันเกิดมา เพื่อรับใช้ประเทศชาติขอบคุณที่มาจาก : กะปุก.คอมhttps://scoop.mthai.com/specialdays/5247.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น